News & Articles


การตรวจ Sleep test มีกี่แบบ และควรเลือกตรวจอย่างไร 

การตรวจสุขภาพการนอนหลับ หรือ Sleep test สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ ตามความละเอียดของข้อมูลที่ตรวจ โดยใช้ตามนิยามของสมาคมเวชศาสตร์การนอนหลับของสหรัฐอเมริกา (American Academy of Sleep Medicine หรือ AASM) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ดังนี้


ระดับที่ 1 การตรวจสุขภาพการนอนหลับแบบสมบูรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการตลอดคืน (Comprehensive technician-attended polysomnography) การตรวจแบบนี้จะประกอบด้วย การวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ลูกตา ใต้คาง และขา คลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด การตรวจวัดลมหายใจ เป็นวิธีมาตรฐาน ผลตรวจจะได้ข้อมูลที่ละเอียด มีความแม่นยำสูง โดยอาจทำภายในห้องตรวจเฉพาะของสถานพยาบาล หรือนอกสถานที่ และมีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตอาการตลอดทั้งคืนที่ตรวจ


ระดับที่ 2 การตรวจสุขภาพการนอนหลับแบบสมบูรณ์ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เผ้าตลอดทั้งคืน (Comprehensive-unattended portable polysomnography) การตรวจวิธีนี้สามารถทำได้ที่บ้านหรือในห้องนอนของผู้รับการตรวจ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย หรือตามสถานที่พักต่างๆ ทำให้คล้ายกับการนอนในชีวิตประจำวัน โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ให้ แต่ไม่ได้เฝ้าระหว่างเวลาที่ตรวจ ลักษณะของการตรวจแบบนี้มีส่วนประกอบและข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือได้ใกล้เคียงกับการตรวจระดับ 1 แต่มีข้อดี คือ ผู้ป่วยจะได้นอนในห้องนอนของตัวเอง จึงมีความรู้สึกผ่อนคลายและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าค่าใช้จ่ายในการตรวจถูกกว่า เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มในเรื่องค่าห้องของโรงพยาบาล รวมถึงยังประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง นอกจากนี้ยังใช้เวลาในการรอคิวตรวจน้อยกว่า

ผู้ที่เหมาะสำหรับการตรวจวิธีนี้ ได้แก่ ผู้ที่เคลื่อนไหวและเดินทางไม่สะดวก หรือผู้ที่มีอาการมากและต้องการรักษาอย่างรวดเร็ว แต่ต้องรอคิวตรวจในโรงพยาบาลนานมาก เป็นต้น แต่มีข้อจำกัดคือ อุปกรณ์ตรวจการนอนหลับอาจหลุดหรือเคลื่อนระหว่างคืน และมีโอกาสที่สัญญาณจะสูญหายระหว่างการตรวจได้ เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้า ทำให้ผลที่ได้อาจคลาดเคลื่อน ดังนั้น การตรวจชนิดนี้ จึงมีหลักฐานสนับสนุนการใช้น้อยกว่าวิธีแรก แต่ในทางปฏิบัติพบปัญหาเหล่านี้น้อย เนื่องจากเทคนิคการตรวจในปัจจุบันได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นกว่าในอดีต


ระดับที่ 3 การตรวจสุขภาพการนอนหลับแบบจำกัดข้อมูล (Limited channel portable sleep test) การตรวจด้วยวิธีนี้ จะมีเพียงการตรวจลมหายใจ การเคลื่อนไหวของหน้าอกและท้อง การวัดระดับออกซิเจนในเลือด การวัดระดับเสียงกรน บางครั้งอาจตรวจรวมคลื่นหัวใจร่วมด้วย หรือการตรวจการนอนหลับจากระบบหลอดเลือดและประสาทอัตโนมัติ เป็นต้น การตรวจการนอนหลับด้วยวิธีนี้อาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าระดับ 1 และ 2 อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจมักได้ค่าความรุนแรงต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากไม่ได้วัดคลื่นสมอง จึงไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพในการนอน รวมถึงระยะความลึกของการนอน ทำให้ผลตรวจมีความแม่นยำน้อยกว่า

ข้อบ่งชี้ของการตรวจแบบนี้ คือ ใช้เพื่อวินิจฉัยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นที่มีระดับความรุนแรงตั้งแต่ปานกลางขึ้นไป แต่ไม่สามารถเข้ารับการตรวจแบบมาตรฐานในโรงพยาบาลในเวลาที่เหมาะสม ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ แต่ผลการตรวจด้วยวิธีนี้ไม่พบความผิดปกติ หรือผู้ที่มีโรคร่วมอื่นๆ อาทิ ภาวะหัวใจวาย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคระบบประสาทกล้ามเนื้อ และผู้ที่สงสัยว่ามีโรคจากการนอนหลับ เช่น โรคขากระตุกขณะนอนหลับ หรือโรคลมหลับ อาจพิจารณาเข้ารับการตรวจสุขภาพการนอนหลับชนิดที่ 1 แทน


ระดับที่ 4 การตรวจระดับออกซิเจนในเลือด และหรือวัดลมหายใจขณะนอนหลับ (Single or dual channel portable sleep test) เป็นการตรวจการนอนกรนเพียงบางส่วน และได้ข้อมูลไม่เกิน 3 อย่างเท่านั้น จึงเลือกใช้เฉพาะกรณีที่ไม่สามารถตรวจในแบบต่างๆที่กล่าวมาแล้วได้เท่านั้น เนื่องจากข้อมูลที่ตรวจได้ไม่มีความน่าเชื่อถือมากพอที่จะนำมาใช้ยืนยันการวินิจฉัยอาการนอนกรนและภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะนอนหลับได้ จึงได้รับความนิยมน้อยในปัจจุบัน

สนใจเข้ารับการตรวจ Sleep Test สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line @ResMedbyRTB

 

ขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์







 


#ResMed #ResMedbyRTB #RTBTechnology